ห้ามมาร

         เมื่อพระอานนท์ผู้เป็นพุทธอุปัฏฐาก มิได้ทูลอาราธนาให้พระพุทธเจ้าดำรง
พระชนม์อยู่ตลอดกัปหนึ่ง พระพุทธองค์จึงทรงมีรับสั่งให้ลุกออกไปเสียจากที่นั้น
พระอานนท์ถวายอภิวาทแล้วออกไปนั่งไม่ไกลจากที่ประทับนัก ฝ่ายพญามารวสวัตดี
เห็นสบโอกาสรีบเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ กราบทูลว่า
“ครั้งแรกเมื่อพระพุทธองค์ได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
แล้วเสด็จประทับใต้ต้นไทร ได้ตรัสว่า ตราบใดที่พุทธบริษัท ๔ คือ ภิกษุ ภิกษุณี
อุบาสก อุบาสิกา ยังมิได้ตั้งมั่นในธรรม และพรหมจรรย์ยังไม่ได้ประกาศ
แพร่หลายบริบูรณ์ด้วยดี สำเร็จประโยชน์แก่ประชุมชนเป็นอันมาก ทั้งเทวดา
และมนุษย์เพียงใดแล้วพระองค์จะยังไม่ปรินิพพานก่อนเพียงนั้น  แต่บัดนี้
พุทธบริษัท ๔ และพรหมจรรย์ก็สมบูรณ์ดังพุทธประสงค์ทุกประการแล้ว
ขอจงปรินิพพานเถิด”

          เมื่อพญามารกราบทูลอาราธนาดังนี้ พระบรมศาสดาจึงตรัสห้ามมารว่า
“มารผู้มีใจบาป ท่านจงมีความขวนขวายน้อยอยู่เถิด ความปรินิพพาน
ของตถาคตจะมีในไม่ช้านี้ นับแต่นี้ไปอีก ๓ เดือน ตถาคตจะปรินิพพาน”

 

 

ที่มาจากพระไตรปิฎก อรรถกถาและคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง

 

บทภาพยนตร์

พญามาร
           ฮ่า … ฮ่า … จำได้หรือเปล่า … เมื่อครั้งที่ท่านตรัสรู้แล้วประทับอยู่
ที่ใต้ต้นโพธิ์ท่านบอกว่า ตราบใดที่พุทธบริษัททั้งหลาย ยังไม่ตั้งมั่นในพระธรรม  ทั้งมนุษย์ เทวดา ยังไม่ได้บรรลุมรรคผล และพระพุทธศาสนายังไม่เผยแผ่ไพศาล
ไปทั่วสารทิศแล้ว ตราบนั้นจะยังไม่ปรินิพพาน … ถึงตอนนี้ ท่านก็สมประสงค์แล้ว
จงปรินิพพาน ในวันนี้เถิด จะทรงทำประโยชน์แก่สัตว์โลกให้ลำบากต่อไปทำไม


พระพุทธเจ้า
           พญามาร … ท่านอย่าได้ทุกข์ร้อนวิตกกังวลใจให้วุ่นวายไปเลย นับแต่นี้
ต่อไปอีก ๓ เดือน เราจักปรินิพพาน

 

พญามาร
           ฮ่าๆ …ขอให้ท่านรักษาวาจาด้วยเถิด…ฮ่า…ฮ่า…